[พุทธศาสนา]สมาธิ

[Secret?]

สมาธิทำง่ายนิดเดียว :o


1. ท่องบทกลอน

หาท่อนกลอนเด็ดมาจำเล่น ไม่ต้องถึงขนาดนั่งท่องกลอนทั้งหมด แค่ประโยค 2 ประโยค ท่องซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก็ทำให้คุณเกิดภาวะสมาธิขึ้น โดยเฉพาะประโยคฮิตของท่านสุนทรภู่ที่เคยประพันธ์เอาไว้ว่า “แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์ มันแสนสุดลึกล้ำเหนือกำหนด เหมือนเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด ก็มีคดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน” จากเรื่องพระอภัยมณี

2. กินอาหารช้าๆ

คุณชอบกินอาหารจานด่วนหรือเปล่า? ไม่ใช่อาหารเยอะนะ แต่เพราะคุณกินเร็วมากจนคนอื่นตามไม่ทันหรือชอบกินไปดูทีวีไป ทุกๆ คำที่กินเข้าไปคุณนึกถึงสุขภาพมากแค่ไหน พอทำแบบนี้ทุกวัน มื้ออาหารธรรมดาก็อาจเปลี่ยนเป็นช่วงเวลาแห่งความสงบภายในใจก็ได้

3. ฟังเพลงชิลๆ

คัดเพลงที่ชอบฟังที่สุดมาไว้ในเครื่องเล่น ในคอมพิวเตอร์ก็ได้ หรือ เครื่องเล่น MP3 ฟังเมื่อไหร่ก็ใส่หูฟังได้เลย หยุดเม้าท์ซะบ้างจะได้มีสมาธิมากขึ้น

4. เขียนลิสท์ความสุขทางใจ

เคยแต่เขียนรายการที่ต้องทำส่งแต่ในงานล่ะซิ ลองหาเวลาเขียนรายการในสิ่งที่คุณรู้สึกดีมากขึ้น อย่าง 10 เหตุการณ์ประทับใจตอนเด็กที่คุณลืมไม่ได้แล้วคุณจะพบว่าสมาธิช่วยให้ชีวิตคุณดีขึ้นทันที

ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.chakkrawat.org



สมาธิ

ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์เขากำลังสงสัยว่าการนั่งสมาธิจะให้พลังงานได้เท่ากับการนอนหลับเชียวนะ

การทดลองนี้ นักวิทยาศาสตร์พาคนทั่วไป ที่ไม่เคยนั่งสมาธิมาก่อนเลย 12 คน

มาสอนคอร์สนั่งสมาธิแบบพื้นฐาน

หลังจากผ่านไปประมาณสอง-สามสัปดาห์ นักเรียนก็ถูกนำไปทดสอบ

โดยการให้กดปุ่มต่างๆ ตามคำสั่ง

ซึ่งเวลาที่ใช้ทำบททดสอบนี้ คือช่วงหลังเที่ยงเล็กน้อย

และทดสอบหลังทำกิจกรรมเหล่านี้ คือ นั่งสมาธิ งีบหลับ ออกกำลัง และดื่มกาแฟ

ซึ่งผลพบว่าการงีบหลับจะให้ผลที่แย่ที่สุด

ส่วนการทำหลังจากดื่มกาแฟ ให้ผลดีมาก

สำหรับการออกกำลังกาย ผลไม่คงตัว

และนั่งสมาธิให้ผลที่ดีเช่นกัน

จากการทดลองในอดีต พบว่าคนเราจะตื่นตัวเสมอ เมื่อได้ฝึกสมาธิ

แต่ก็ขึ้นอยู่กับเวลาและวิธีการนอนหลับด้วย

การนั่งสมาธิจะส่งผลต่อการนอนคือ ทำให้นอนหลับน้อยลง

ดังนั้น นักวิจัยจึงเริ่มสงสัยว่าการนั่งสมาธิเหมือนกันกับการนอนหลับหรือเปล่า

หรือควรจะเรียกว่าการนอนแบบหนึ่ง มีความจริงข้อนึงที่พิสูจน์ได้

นั่นคือ ก่อนสอบ ถ้ามีนักเรียนคนไหนไม่ได้นอนหลับ

การนั่งสมาธิจะช่วยพวกเขาได้มากทีเดียว

ถ้าไม่ได้นอน แล้วนั่งสมาธิสักครึ่งชั่วโมงก่อนสอบ

จะให้ผลการสอบที่ดีขึ้นได้

ขอบคุณข้อมูลจาก New York Time

{EDIT1}