แร่ธาตุที่จำเป็น (สอบแล้ว)
หน้า 1 จาก 1
แร่ธาตุที่จำเป็น (สอบแล้ว)
สำหรับคนที่ไม่จด หรือ จดไม่ทัน ในslide ของครูปู นะครับ
กระผมมีข้อมูลที่จะมาบอกคนที่ไม่จดทั้งหลาย
ผลประโยชน์ของธาตุต่าง ๆ ครับ
N = ทำให้พืชตั้งตัวได้เร็วขึ้นในระยะแรกของการเจริญเติบโต ทำให้ใบพืชมีสีเขียว แตกพุ่มมีกิ่งมากควบคุมการออกดอกออกผลของพืช เพิ่มปริมาณโปรตีนในพืช และเพิ่มคุณภาพของผลผลิตโดยเฉพาะพืชที่ใช้ใบ ผล เมล็ด
P =ช่วยในการสังเคราะห์แสง สร้างแป้งและน้ำตาล ส่งเสริมการเจริญเติบโตของรากทำให้ลำต้นแข็งแรงไม่ล้มง่ายและต้านทานโรค ช่วยให้พืชแก่เร็ว ช่วยในการสร้างดอกและเมล็ด และช่วยให้พืชดูดไนโตรเจน โพแทสเซียมและโมลิบดินัมได้ดีขึ้น
K = ช่วยสร้างและเคลื่อนย้ายแป้งและน้ำตาลในพืช ช่วยสร้างโปรตีน ช่วยในการแบ่งเซลล์และมีบทบาทในระบบหายใจ ควบคุมความเป็นกรดเป็นด่างในพืช เพิ่มคุณภาพของผลผลิตเช่น ความกรอบ สี ความหวานและยืดอายุการเก็บรักษาผลผลิต
Ca = เป็นส่วนประกอบของผนังเซลล์ในรูปของ Calcium pectate ช่วยในการแบ่งเซลล์ที่ปลายรากและยอด ช่วยสร้างโครงสร้างของโครโมโซม ช่วยในการทำงานของเอนไซม์และธาตุบางธาตุ ช่วยลดความเป็นพิษจากสารพิษต่าง ๆ เช่น กรดออกซาลิก ช่วยในการงอกและการเจริญเติบโตของละอองเกสรตัวผู้ (pollen) และส่งเสริมการเกิดปมที่รากถั่ว
Mg =เป็นองค์ประกอบของคลอโรฟิลล์ เอนไซม์ เช่น Carboxylase ช่วยสร้างรงควัตถุ (pigments) และสารสีเขียว ช่วยในการเคลื่อนย้ายน้ำตาลในพืช ร่วมกับกำมะถันในการสังเคราะห์น้ำมัน ในการดูดฟอฟฟอรัสและควบคุมปริมาณแคลเซียมในพืช
S =เป็นองค์ประกอบของคลอโรฟิลล์ เอนไซม์ เช่น Carboxylase ช่วยสร้างรงควัตถุ (pigments) และสารสีเขียว ช่วยในการเคลื่อนย้ายน้ำตาลในพืช ร่วมกับกำมะถันในการสังเคราะห์น้ำมัน ในการดูดฟอฟฟอรัสและควบคุมปริมาณแคลเซียมในพืช
Fe = เป็นองค์ประกอบของเอนไซม์สำหรับสร้างคลอโรฟีลล์ และของ Cytochrome ที่เกี่ยวข้องกับชนวนการหายใจ ช่วยสร้างโปรตีนส่งเสริมให้เกิดปมที่รากถั่วและช่วยดูดธาตุอาหารอื่น
Mn = ช่วยในกระบวนการสังเคราะห์แสงกระบวนการหายใจ กระบวนการเมแทบอลินซึม (metabolism) ของเหล็กและไนโตรเจนกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์หลายชนิดโดยเฉพาะเอนไซม์ที่เกี่ยวกับการหายใจช่วยในการสร้างเอนไซม์หลายชนิดเช่น oxidase, peroxidase และ dehydrogenase
Cu =เป็นองค์ประกอบของโปรตีนและเอนไซม์ หลายชนิด กระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ช่วยในการหายใจ การสังเคราะห์แสดง และขบวนการmetabolism ของไขมัน ทำหน้าที่ทางอ้อมในการสังเคราะห์คลอโรฟีลล์ มีความสัมพันธ์ต่อการเปลี่ยนแปลงของราก
Zn = ช่วยในการสังเคราะห์โปรตีน คลอโรฟีลล์และฮอร์โมน IAA (Indole Acetic Acid) เป็นส่วนประกอบของผนังเซลล์และเอนไซม์หลายชนิดเช่น Carbonic anhydrase Alcoholic dehydrogenase เป็นต้น ช่วยให้ฟอสฟอรัสและไนโตรเจนเป็นประโยชน์ต่อพืชมากขึ้น ช่วยให้พืชเจริญเติบโตเป็นปกติมีส่วนการขยายพันธุ์พืชบางชนิดและมีผลต่อการแก่และการสุกของพืช
B = ช่วยแบ่งเซลล์และจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อที่เกิดขึ้นใหม่ ช่วยสร้างโปรตีนและคาร์โบไฮเดรต ช่วยในการเคลื่อนย้ายน้ำตาลในพืช ทำให้พืชดูดไนโตรเจน โพแทสเซียมและแคลเซียมได้มากขึ้น ช่วยในกระบวนการ metabolism ของไนโตรเจน คาร์โบไฮเดรต ฮอร์โมนและฟอสฟอรัส เกี่ยวข้องกับการดูดน้ำ การคายน้ำและกระบวนการสังเคราะห์แสง มีความจำเป็นต่อการงอกของ pollen grain และการเจริญเติบโตของ pollen tube มีผลให้การลีบของเมล็ดลดลง
Mo = เป็นธาตุที่จำเป็นในการสร้างคลอโรฟีลล์และเอนไซม์ในพืช เป็นองค์ประกอบของเอนไซม์พวก nitrogenase และ nitrate reductase ช่วยในการตรึงไนโตรเจนและลดการเปลี่ยนรูปของไนเตรทไปเป็นกรดอมิโนและโปรตีน
CI = มีความสำคัญต่อกระบวนการสังเคราะห์แสงและทำให้พืชแก่ตัว เป็นองค์ประกอบของฮอร์โมน ส่งเสริมทำงานของเอนไซม์หลายชนิดที่มีอิทธิพลต่อ metabolism ของคาร์โบไฮเดรต ช่วยให้เนื้อเยื่อพืชอุ้มน้ำได้ดีขึ้น
กระผมมีข้อมูลที่จะมาบอกคนที่ไม่จดทั้งหลาย
ผลประโยชน์ของธาตุต่าง ๆ ครับ
N = ทำให้พืชตั้งตัวได้เร็วขึ้นในระยะแรกของการเจริญเติบโต ทำให้ใบพืชมีสีเขียว แตกพุ่มมีกิ่งมากควบคุมการออกดอกออกผลของพืช เพิ่มปริมาณโปรตีนในพืช และเพิ่มคุณภาพของผลผลิตโดยเฉพาะพืชที่ใช้ใบ ผล เมล็ด
P =ช่วยในการสังเคราะห์แสง สร้างแป้งและน้ำตาล ส่งเสริมการเจริญเติบโตของรากทำให้ลำต้นแข็งแรงไม่ล้มง่ายและต้านทานโรค ช่วยให้พืชแก่เร็ว ช่วยในการสร้างดอกและเมล็ด และช่วยให้พืชดูดไนโตรเจน โพแทสเซียมและโมลิบดินัมได้ดีขึ้น
K = ช่วยสร้างและเคลื่อนย้ายแป้งและน้ำตาลในพืช ช่วยสร้างโปรตีน ช่วยในการแบ่งเซลล์และมีบทบาทในระบบหายใจ ควบคุมความเป็นกรดเป็นด่างในพืช เพิ่มคุณภาพของผลผลิตเช่น ความกรอบ สี ความหวานและยืดอายุการเก็บรักษาผลผลิต
Ca = เป็นส่วนประกอบของผนังเซลล์ในรูปของ Calcium pectate ช่วยในการแบ่งเซลล์ที่ปลายรากและยอด ช่วยสร้างโครงสร้างของโครโมโซม ช่วยในการทำงานของเอนไซม์และธาตุบางธาตุ ช่วยลดความเป็นพิษจากสารพิษต่าง ๆ เช่น กรดออกซาลิก ช่วยในการงอกและการเจริญเติบโตของละอองเกสรตัวผู้ (pollen) และส่งเสริมการเกิดปมที่รากถั่ว
Mg =เป็นองค์ประกอบของคลอโรฟิลล์ เอนไซม์ เช่น Carboxylase ช่วยสร้างรงควัตถุ (pigments) และสารสีเขียว ช่วยในการเคลื่อนย้ายน้ำตาลในพืช ร่วมกับกำมะถันในการสังเคราะห์น้ำมัน ในการดูดฟอฟฟอรัสและควบคุมปริมาณแคลเซียมในพืช
S =เป็นองค์ประกอบของคลอโรฟิลล์ เอนไซม์ เช่น Carboxylase ช่วยสร้างรงควัตถุ (pigments) และสารสีเขียว ช่วยในการเคลื่อนย้ายน้ำตาลในพืช ร่วมกับกำมะถันในการสังเคราะห์น้ำมัน ในการดูดฟอฟฟอรัสและควบคุมปริมาณแคลเซียมในพืช
Fe = เป็นองค์ประกอบของเอนไซม์สำหรับสร้างคลอโรฟีลล์ และของ Cytochrome ที่เกี่ยวข้องกับชนวนการหายใจ ช่วยสร้างโปรตีนส่งเสริมให้เกิดปมที่รากถั่วและช่วยดูดธาตุอาหารอื่น
Mn = ช่วยในกระบวนการสังเคราะห์แสงกระบวนการหายใจ กระบวนการเมแทบอลินซึม (metabolism) ของเหล็กและไนโตรเจนกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์หลายชนิดโดยเฉพาะเอนไซม์ที่เกี่ยวกับการหายใจช่วยในการสร้างเอนไซม์หลายชนิดเช่น oxidase, peroxidase และ dehydrogenase
Cu =เป็นองค์ประกอบของโปรตีนและเอนไซม์ หลายชนิด กระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ช่วยในการหายใจ การสังเคราะห์แสดง และขบวนการmetabolism ของไขมัน ทำหน้าที่ทางอ้อมในการสังเคราะห์คลอโรฟีลล์ มีความสัมพันธ์ต่อการเปลี่ยนแปลงของราก
Zn = ช่วยในการสังเคราะห์โปรตีน คลอโรฟีลล์และฮอร์โมน IAA (Indole Acetic Acid) เป็นส่วนประกอบของผนังเซลล์และเอนไซม์หลายชนิดเช่น Carbonic anhydrase Alcoholic dehydrogenase เป็นต้น ช่วยให้ฟอสฟอรัสและไนโตรเจนเป็นประโยชน์ต่อพืชมากขึ้น ช่วยให้พืชเจริญเติบโตเป็นปกติมีส่วนการขยายพันธุ์พืชบางชนิดและมีผลต่อการแก่และการสุกของพืช
B = ช่วยแบ่งเซลล์และจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อที่เกิดขึ้นใหม่ ช่วยสร้างโปรตีนและคาร์โบไฮเดรต ช่วยในการเคลื่อนย้ายน้ำตาลในพืช ทำให้พืชดูดไนโตรเจน โพแทสเซียมและแคลเซียมได้มากขึ้น ช่วยในกระบวนการ metabolism ของไนโตรเจน คาร์โบไฮเดรต ฮอร์โมนและฟอสฟอรัส เกี่ยวข้องกับการดูดน้ำ การคายน้ำและกระบวนการสังเคราะห์แสง มีความจำเป็นต่อการงอกของ pollen grain และการเจริญเติบโตของ pollen tube มีผลให้การลีบของเมล็ดลดลง
Mo = เป็นธาตุที่จำเป็นในการสร้างคลอโรฟีลล์และเอนไซม์ในพืช เป็นองค์ประกอบของเอนไซม์พวก nitrogenase และ nitrate reductase ช่วยในการตรึงไนโตรเจนและลดการเปลี่ยนรูปของไนเตรทไปเป็นกรดอมิโนและโปรตีน
CI = มีความสำคัญต่อกระบวนการสังเคราะห์แสงและทำให้พืชแก่ตัว เป็นองค์ประกอบของฮอร์โมน ส่งเสริมทำงานของเอนไซม์หลายชนิดที่มีอิทธิพลต่อ metabolism ของคาร์โบไฮเดรต ช่วยให้เนื้อเยื่อพืชอุ้มน้ำได้ดีขึ้น
Macca17257power_point_boy- เด็กนักเรียน
- จำนวนข้อความ : 18
คะแนนความดี : 35
จิตพิสัย : 0
Join date : 17/06/2009
สอบวิทย์วันศุกร์ หลัก ครูปูครับ (ต่อ)
ต่อไปอาการเมื่อพืชขาดธาตุต่าง ๆ
N =พืชชะงักการเจริญเติบโตหรือโตช้ามากใบมีสีเหลือง โดยเริ่มจากปลายใบไปโคนใบและเกิดกับใบแก่ก่อน การแตกยอดและกิ่งก้านช้ามาก ลำต้นผอมสูง กิ่งก้านน้อยและลีบเล็ก ผลผลิตต่ำและมีคุณภาพไม่ดี
P =พืชชะงักการเจริญเติบโต ต้นแคระแกรน ใบแก่จะเปลี่ยนเป็นสีม่วง เช่น ใบข้าวโพด พืชออกดอกช้า ดอกมีขนาดเล็กและมีจำนวนลดลง รากผอม บางสั้นและมีจำนวนน้อย
K =พืชชะงักการเจริญเติบโต ขอบใบไหม้มีสีน้ำตาลลุกลามเข้ามากลางใบเป็นรูปตัววี ต้นอ่อนล้มง่าย ไม่ต้านทานโรค ผลเล็ก เมล็ดเหี่ยวลีบ พืชน้ำมันและพืชหัวมีคุณภาพลดลง
Ca = ใบอ่อนมีลักษณะผิดปกติ ยอดกุด ใบเล็กลงและมีสีเหลืองซีด ใบที่อยู่ชั้นในสุดรวมตัวติดกัน ทำให้แมลงเข้าไปอาศัยและทำลายพืชได้ รากไม่เจริญเท่าที่ควร ลำต้นอ่อนแอ ล้มง่าย ตาและยอดอ่อนแห้งตาย พืชออกดอกเร็วเกินไป
Mg = อัตราการเจริญเติบโตลดลง ลำต้น กิ่งอ่อนแอเปราะและหักง่าย ใบเปลี่ยนเป็นสีเหลืองแต่เส้นใบยังเขียวอยู่อาการจะเกิดกับใบแก่ก่อน
S = เป็นธาตุที่ไม่เคลื่อนย้าย อาการขาดแสดงที่ใบอ่อน โดยใบจะมีขนาดเล็กสีเหลืองซีด ต้นแคระแกรนและแตกกอน้อย
Fe = พืชชะงักการเจริญเติบโต ใบมีสีเหลืองในขณะที่เส้นใบยังเขียวอยู่ หรือใบมีจุดสีน้ำตาล
Mn =พืชแตกพุ่มน้อย เจริญเติบโตช้าและไม่ออกดอก ใบอ่อนมีสีเหลืองซีดหรือเป็นจุดแต่เส้นใบยังมีสีเขียว ใบอ่อนของพืชบางชนิดเปลี่ยนเป็นสีต่าง ๆ เช่น เทา ส้ม เหลือง เกิดในอ้อยเรียก Streak disease ในข้าวเรียก Grey spec ในถั่วเรียก Marsh spot
Cu = พืชชะงักการเจริญเติบโต ลำต้นมีปล้องสั้นผิดปกติ ใบอ่อนมีสีเข้มในตอนแรกและจะแห้งตายในที่สุด
Zn =ใบเกิดเป็นทางขาว ๆ (white bud) มักแสดงอาการที่ใบที่ 2,3 ของใบแก่ พืชแคระแกรน ข้อสั้น เช่น โรค Rosetting ในข้าวโพดจะมีอาการยอดขาว ข้อสั้นเป็นพุ่ม การผลิตฮอร์โมนน้อยลงทำให้พืชไม่ออกผล
B = .ลำต้นและเมล็ดพืชกลวงไม่ออกดอกยอดชะงักการเจริญเติบโตและมีสีแดงหรือสีเหลือง ใบหน้าผิดปกติและหงิกงอเกิด chlorosis และกลายเป็นสีน้ำตาลเข้ม พืชบางชนิดเช่นผักกาดหัวจะมีจุดสีน้ำตาลหรือดำเกิดขึ้นในพืช
Mo =ขอบใบม้วนเป็นหลอดแต่ใบสีขาวคล้ายขาดธาตุไนโตรเจน ใบเกิดการแก้งตาย (necrosis) และหงิก ดอกร่วงหรือติดผลไม่สมบูรณ์ ถั่วเหลืองที่ปลูกในดินกรดมีการสะสมในเตรทสูง
CI = ใบยอดของพืชจะเหี่ยว ใบมีสีเหลืองซีดจนกลายเป็นสีบรอนซ์และตายในที่สุดมักเกิดกับมันฝรั่ง
การใส่ธาตุต่าง ๆ
N = ใส่ปุ๋ยไนโตรเจนในรูปของปุ๋ยวิทยาศาสตร์ เช่น ยูเรียเอมโมเนียมไนเตรทเอมโมเนียซัลเฟต แคลเซียมไนเตรท ร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์
P =ปรับ pH ของดินให้อยู่ระหว่าง 6-7 และใส่ปุ๋ย ฟอสฟอรัส เช่น หินฟอสเฟต ซูเปอร์ฟอสเฟต ฯลฯ ในกรณีที่ดินมีฟอสฟอรัสต่ำ
K = ใส่ปุ๋ยโพแทสเซียม เช่น KCl K2SO4และ KNO3
Ca = ใส่ปุ๋ยแคลเซียมไนเตรทยิปซัมหรือเพิ่มปูนในรูปต่าง ๆ เช่น หินปูน CaCO3
Mg = ใส่ปุ๋ยแมกนีเซียมซัลเฟต แมกนีเซียมออกไซด์ โพแทสเซียมแมกนีเซียมซัลเฟตหรือใส่ปูน โดโลไมท์ (CaMgCO3)
S = ใส่ปุ๋ยกำมะถันผง แอมโมเนียมซัลเฟต แมกนีเซียมซัลเฟต ร่วมกับปุ๋ยคอก
Fe = ใช้เหล็กซัลเฟต เหล็กคาร์บอเนต หรือเหล็กคีเลตอย่างใดอย่างหนึ่งฉีดพ่นหรือใส่ร่วมกับปุ๋ยอื่น
Mn = ใช้แมงกานีสซัลเฟต แมงกานีสคาร์บอเนตแมงกานีสออกไซด์หรือแมงกานีสคีเลทพ่นหรือใส่ร่วมกับปุ๋ยอื่น
Cu = ใช้คอบเปอร์ซัลเฟต คอบเปอร์ออกไซด์หรือคอบเปอร์คีเลทฉีดพ่น หรือใส่ร่วมกับปุ๋ยอื่น ๆ
Zn = ใช้สังกะสีซัลเฟต หรือสังกะสีคีเลทอย่างใดอย่างหนึ่งฉีดพ่นหรือใส่ร่วมกับปุ๋ยอื่น ๆ
B = ใช้บอแรกซ์ กรดบอริค หรือ โบรอนออกไซด์ ฉีดพ่นให้ไม้ผลหรือใส่ร่วมกับปุ๋ยอื่นในพืชไร่
Mo = ใช้แอมโมเนียมโมลิบเดต โมลิบดินัมออกไซด์ หรือ โมลิบดินัมซัลเฟด์ พ่นหรือใส่ร่วมกับปุ๋ยอื่น
CI = ใช้ปุ๋ยโพแทสเซียมคลอไรด์พืชที่ใส่ปุ๋ยเป็นประจำมักไม่ขาดคลอรีน
ภาพท่อลำเลียงน้ำ
http://image.ohozaa.com/show.php?id=25d1d9f7da54118f6b6e1b84e301f2a9
N =พืชชะงักการเจริญเติบโตหรือโตช้ามากใบมีสีเหลือง โดยเริ่มจากปลายใบไปโคนใบและเกิดกับใบแก่ก่อน การแตกยอดและกิ่งก้านช้ามาก ลำต้นผอมสูง กิ่งก้านน้อยและลีบเล็ก ผลผลิตต่ำและมีคุณภาพไม่ดี
P =พืชชะงักการเจริญเติบโต ต้นแคระแกรน ใบแก่จะเปลี่ยนเป็นสีม่วง เช่น ใบข้าวโพด พืชออกดอกช้า ดอกมีขนาดเล็กและมีจำนวนลดลง รากผอม บางสั้นและมีจำนวนน้อย
K =พืชชะงักการเจริญเติบโต ขอบใบไหม้มีสีน้ำตาลลุกลามเข้ามากลางใบเป็นรูปตัววี ต้นอ่อนล้มง่าย ไม่ต้านทานโรค ผลเล็ก เมล็ดเหี่ยวลีบ พืชน้ำมันและพืชหัวมีคุณภาพลดลง
Ca = ใบอ่อนมีลักษณะผิดปกติ ยอดกุด ใบเล็กลงและมีสีเหลืองซีด ใบที่อยู่ชั้นในสุดรวมตัวติดกัน ทำให้แมลงเข้าไปอาศัยและทำลายพืชได้ รากไม่เจริญเท่าที่ควร ลำต้นอ่อนแอ ล้มง่าย ตาและยอดอ่อนแห้งตาย พืชออกดอกเร็วเกินไป
Mg = อัตราการเจริญเติบโตลดลง ลำต้น กิ่งอ่อนแอเปราะและหักง่าย ใบเปลี่ยนเป็นสีเหลืองแต่เส้นใบยังเขียวอยู่อาการจะเกิดกับใบแก่ก่อน
S = เป็นธาตุที่ไม่เคลื่อนย้าย อาการขาดแสดงที่ใบอ่อน โดยใบจะมีขนาดเล็กสีเหลืองซีด ต้นแคระแกรนและแตกกอน้อย
Fe = พืชชะงักการเจริญเติบโต ใบมีสีเหลืองในขณะที่เส้นใบยังเขียวอยู่ หรือใบมีจุดสีน้ำตาล
Mn =พืชแตกพุ่มน้อย เจริญเติบโตช้าและไม่ออกดอก ใบอ่อนมีสีเหลืองซีดหรือเป็นจุดแต่เส้นใบยังมีสีเขียว ใบอ่อนของพืชบางชนิดเปลี่ยนเป็นสีต่าง ๆ เช่น เทา ส้ม เหลือง เกิดในอ้อยเรียก Streak disease ในข้าวเรียก Grey spec ในถั่วเรียก Marsh spot
Cu = พืชชะงักการเจริญเติบโต ลำต้นมีปล้องสั้นผิดปกติ ใบอ่อนมีสีเข้มในตอนแรกและจะแห้งตายในที่สุด
Zn =ใบเกิดเป็นทางขาว ๆ (white bud) มักแสดงอาการที่ใบที่ 2,3 ของใบแก่ พืชแคระแกรน ข้อสั้น เช่น โรค Rosetting ในข้าวโพดจะมีอาการยอดขาว ข้อสั้นเป็นพุ่ม การผลิตฮอร์โมนน้อยลงทำให้พืชไม่ออกผล
B = .ลำต้นและเมล็ดพืชกลวงไม่ออกดอกยอดชะงักการเจริญเติบโตและมีสีแดงหรือสีเหลือง ใบหน้าผิดปกติและหงิกงอเกิด chlorosis และกลายเป็นสีน้ำตาลเข้ม พืชบางชนิดเช่นผักกาดหัวจะมีจุดสีน้ำตาลหรือดำเกิดขึ้นในพืช
Mo =ขอบใบม้วนเป็นหลอดแต่ใบสีขาวคล้ายขาดธาตุไนโตรเจน ใบเกิดการแก้งตาย (necrosis) และหงิก ดอกร่วงหรือติดผลไม่สมบูรณ์ ถั่วเหลืองที่ปลูกในดินกรดมีการสะสมในเตรทสูง
CI = ใบยอดของพืชจะเหี่ยว ใบมีสีเหลืองซีดจนกลายเป็นสีบรอนซ์และตายในที่สุดมักเกิดกับมันฝรั่ง
การใส่ธาตุต่าง ๆ
N = ใส่ปุ๋ยไนโตรเจนในรูปของปุ๋ยวิทยาศาสตร์ เช่น ยูเรียเอมโมเนียมไนเตรทเอมโมเนียซัลเฟต แคลเซียมไนเตรท ร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์
P =ปรับ pH ของดินให้อยู่ระหว่าง 6-7 และใส่ปุ๋ย ฟอสฟอรัส เช่น หินฟอสเฟต ซูเปอร์ฟอสเฟต ฯลฯ ในกรณีที่ดินมีฟอสฟอรัสต่ำ
K = ใส่ปุ๋ยโพแทสเซียม เช่น KCl K2SO4และ KNO3
Ca = ใส่ปุ๋ยแคลเซียมไนเตรทยิปซัมหรือเพิ่มปูนในรูปต่าง ๆ เช่น หินปูน CaCO3
Mg = ใส่ปุ๋ยแมกนีเซียมซัลเฟต แมกนีเซียมออกไซด์ โพแทสเซียมแมกนีเซียมซัลเฟตหรือใส่ปูน โดโลไมท์ (CaMgCO3)
S = ใส่ปุ๋ยกำมะถันผง แอมโมเนียมซัลเฟต แมกนีเซียมซัลเฟต ร่วมกับปุ๋ยคอก
Fe = ใช้เหล็กซัลเฟต เหล็กคาร์บอเนต หรือเหล็กคีเลตอย่างใดอย่างหนึ่งฉีดพ่นหรือใส่ร่วมกับปุ๋ยอื่น
Mn = ใช้แมงกานีสซัลเฟต แมงกานีสคาร์บอเนตแมงกานีสออกไซด์หรือแมงกานีสคีเลทพ่นหรือใส่ร่วมกับปุ๋ยอื่น
Cu = ใช้คอบเปอร์ซัลเฟต คอบเปอร์ออกไซด์หรือคอบเปอร์คีเลทฉีดพ่น หรือใส่ร่วมกับปุ๋ยอื่น ๆ
Zn = ใช้สังกะสีซัลเฟต หรือสังกะสีคีเลทอย่างใดอย่างหนึ่งฉีดพ่นหรือใส่ร่วมกับปุ๋ยอื่น ๆ
B = ใช้บอแรกซ์ กรดบอริค หรือ โบรอนออกไซด์ ฉีดพ่นให้ไม้ผลหรือใส่ร่วมกับปุ๋ยอื่นในพืชไร่
Mo = ใช้แอมโมเนียมโมลิบเดต โมลิบดินัมออกไซด์ หรือ โมลิบดินัมซัลเฟด์ พ่นหรือใส่ร่วมกับปุ๋ยอื่น
CI = ใช้ปุ๋ยโพแทสเซียมคลอไรด์พืชที่ใส่ปุ๋ยเป็นประจำมักไม่ขาดคลอรีน
ภาพท่อลำเลียงน้ำ
http://image.ohozaa.com/show.php?id=25d1d9f7da54118f6b6e1b84e301f2a9
Macca17257power_point_boy- เด็กนักเรียน
- จำนวนข้อความ : 18
คะแนนความดี : 35
จิตพิสัย : 0
Join date : 17/06/2009
สอบวิทย์วันศุกร์ หลัก ครูปูครับ (ต่อ)
1.เอพิเดอร์มิส (Epidermis) เป็นผนังเนื้อเยื่อชั้นนอกสุด เซลล์เรียงตัวชั้นเดียว มีผนังบาง ไม่มีคลอโรพลาสต์
2.คอร์เทกซ์ (Cortex) ประกอบด้วยเซลหลายแถว มีหลายชนิด มีคลอโรฟิลล์ ชั้นของคอร์เทกซ์ในรากจะกว้างกว่าในลำต้น
3.เอนโดเดอร์มิส (Endodermis) ประกอบด้วยเซลแถวเดียว ส่วนใหญ่พบในราก
4.เพอริไซเคิล (Pericycle) ประกอบด้วย เซลเพียงหนึ่งหรือสองแถว เป็นแหล่งที่เกิดของรากแขนง
5.วาสคิวลาร์บันเดิล ทำหน้าที่ลำเลียงในพืชประกอบด้วย
เซลอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ๆ ประกอบด้วยเนื้อเยื่อโฟลเอมและไซ เลม มีแคมเบียมคั่นอยู่ตรงกลางในพืชในเลี้ยงคู่ การเรียงตัวจะ กระจายในพืชใบเลี้ยงเดียว เป็นกลุ่ม ๆ เรียงเป็นวงในพืชใบ เลี้ยงคู่
6.พิท (Pith) ประกอบด้วย เซลผนังบาง ๆ คือ พาเรนไคมา
(Parenchyma) กลุ่มเซลไซเลม ทำหน้าที่ลำเลียงน้ำ เกลือแร่ สารละลายต่าง ๆ โดยกระบวนการ Conduction ประกอบด้วยเซลหลายชนิด เช่น
- เทรคีดเซล (tracheid)
- เวสเซล (Vessel)
กลุ่มโฟเอม ประกอบด้วย
ซีฟทิวบ์เมมเบอร์ (Sievetube member) ทำหน้าที่ลำเลียง สารอาหารไปยังส่วนต่าง ๆ ของพืช
เซลคอมพาเนียน (Companion cell) มีหน้าที่ควบคุมการทำ งานของซีฟทิวบ์เมมเบอร์
เซลไฟเบอร์ (Fiber cell) ทำหน้าที่ให้ความแข็งแรงทนทาน แก่พืช ซึ่งอยู่ภายในเนื้อเยื่อของโฟลเอมและไซเลม
เรย์ (Ray) ทำหน้าที่ลำเลียงน้ำและอาหารไปด้านข้างของลำ ต้น
แคพิลลารีแอคชัน (Capillary action) เป็นกระบวนการ เคลื่อนที่ของน้ำในหลอดเล็ก ๆ
แอดฮีชัน (adhesion) คือแรงดึงดูดระหว่างโมเลกุลของน้ำ และผนังด้านข้างของหลอด
การคายน้ำของพืช หมายถึงกระบวนการที่พืชกำจัดน้ำออก มาในรูปของไอน้ำซึ่งจะเกิดขึ้นที่ปากใบมากสุด
เซลคุม (Guard cell) เป็นเซลมีรูปร่างคล้ายเม็ดถั่ว จะมีเม็ดคลอ
โรพลาสต์ ระหว่างเซลคุมจะมีช่องเล็ก ๆ คือปากใบ
คิวทิน (Cutin) คือสารขี้ผึ้งที่ฉาบอยู่ผิวใบของพืช
เลนทิเซล (lenticel) หมายถึงรอยแตกที่ผิวของลำต้นหรือกิ่ง ซึ่งพืชอาจสูญเสียน้ำทางเลนทิเซลได้
กัตเทชั่น (Guttation) คือกระบวนการคายน้ำของพืชในรูป ของหยดน้ำ ทางรูเล็ก ๆ คือ รูไฮดาโทด (hydathode)
ความดันราก (Root pressure) คือแรงดันที่ดันของเหลวให้ ไหลขึ้นไปตามท่อของไซเลม
แรงดึงดูดระหว่างโมเลกุลของน้ำ เรียกว่า โคฮีชัน (Cohesion)
แรงดึงดูดจากการสูญเสียของน้ำของพืช เรียกว่า ทรานสปีเรชัน
พลู (transpiration pull)
" จบ "
ขอให้โชคดีในการสอบ
หากมีข้อผิดผลาดขออภัยด้วย
2.คอร์เทกซ์ (Cortex) ประกอบด้วยเซลหลายแถว มีหลายชนิด มีคลอโรฟิลล์ ชั้นของคอร์เทกซ์ในรากจะกว้างกว่าในลำต้น
3.เอนโดเดอร์มิส (Endodermis) ประกอบด้วยเซลแถวเดียว ส่วนใหญ่พบในราก
4.เพอริไซเคิล (Pericycle) ประกอบด้วย เซลเพียงหนึ่งหรือสองแถว เป็นแหล่งที่เกิดของรากแขนง
5.วาสคิวลาร์บันเดิล ทำหน้าที่ลำเลียงในพืชประกอบด้วย
เซลอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ๆ ประกอบด้วยเนื้อเยื่อโฟลเอมและไซ เลม มีแคมเบียมคั่นอยู่ตรงกลางในพืชในเลี้ยงคู่ การเรียงตัวจะ กระจายในพืชใบเลี้ยงเดียว เป็นกลุ่ม ๆ เรียงเป็นวงในพืชใบ เลี้ยงคู่
6.พิท (Pith) ประกอบด้วย เซลผนังบาง ๆ คือ พาเรนไคมา
(Parenchyma) กลุ่มเซลไซเลม ทำหน้าที่ลำเลียงน้ำ เกลือแร่ สารละลายต่าง ๆ โดยกระบวนการ Conduction ประกอบด้วยเซลหลายชนิด เช่น
- เทรคีดเซล (tracheid)
- เวสเซล (Vessel)
กลุ่มโฟเอม ประกอบด้วย
ซีฟทิวบ์เมมเบอร์ (Sievetube member) ทำหน้าที่ลำเลียง สารอาหารไปยังส่วนต่าง ๆ ของพืช
เซลคอมพาเนียน (Companion cell) มีหน้าที่ควบคุมการทำ งานของซีฟทิวบ์เมมเบอร์
เซลไฟเบอร์ (Fiber cell) ทำหน้าที่ให้ความแข็งแรงทนทาน แก่พืช ซึ่งอยู่ภายในเนื้อเยื่อของโฟลเอมและไซเลม
เรย์ (Ray) ทำหน้าที่ลำเลียงน้ำและอาหารไปด้านข้างของลำ ต้น
แคพิลลารีแอคชัน (Capillary action) เป็นกระบวนการ เคลื่อนที่ของน้ำในหลอดเล็ก ๆ
แอดฮีชัน (adhesion) คือแรงดึงดูดระหว่างโมเลกุลของน้ำ และผนังด้านข้างของหลอด
การคายน้ำของพืช หมายถึงกระบวนการที่พืชกำจัดน้ำออก มาในรูปของไอน้ำซึ่งจะเกิดขึ้นที่ปากใบมากสุด
เซลคุม (Guard cell) เป็นเซลมีรูปร่างคล้ายเม็ดถั่ว จะมีเม็ดคลอ
โรพลาสต์ ระหว่างเซลคุมจะมีช่องเล็ก ๆ คือปากใบ
คิวทิน (Cutin) คือสารขี้ผึ้งที่ฉาบอยู่ผิวใบของพืช
เลนทิเซล (lenticel) หมายถึงรอยแตกที่ผิวของลำต้นหรือกิ่ง ซึ่งพืชอาจสูญเสียน้ำทางเลนทิเซลได้
กัตเทชั่น (Guttation) คือกระบวนการคายน้ำของพืชในรูป ของหยดน้ำ ทางรูเล็ก ๆ คือ รูไฮดาโทด (hydathode)
ความดันราก (Root pressure) คือแรงดันที่ดันของเหลวให้ ไหลขึ้นไปตามท่อของไซเลม
แรงดึงดูดระหว่างโมเลกุลของน้ำ เรียกว่า โคฮีชัน (Cohesion)
แรงดึงดูดจากการสูญเสียของน้ำของพืช เรียกว่า ทรานสปีเรชัน
พลู (transpiration pull)
" จบ "
ขอให้โชคดีในการสอบ
หากมีข้อผิดผลาดขออภัยด้วย
Macca17257power_point_boy- เด็กนักเรียน
- จำนวนข้อความ : 18
คะแนนความดี : 35
จิตพิสัย : 0
Join date : 17/06/2009
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|